pimsyshop

pimsyshop
เครื่องประดับแฟชั่น ราคาถูกสุดๆ 39 บาท

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สูตรน้ำผักปั่นเพื่อสุขภาพ

ในน้ำผักเป็นกรดอ่อน ๆ ที่มี คลอโรฟิลล์ ( Chlorophyll สารสีเขียวในพืช ) 
มีวิตามินเอ วิตามินซีธาตุเหล็ก โปแตสเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัส 

ซึ่งเมื่อทานเข้าไป จะเกิดการแลกเปลี่ยนการใช้สารอาหารได้สูงสุด ณ จุดที่
ร่างกายสามารถนำของ เสียทิ้งได้ทั้งหมด และทำให้ร่างกายสร้างพลังงานในแต่ละเซล
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลให้เกิดการ สร้างเซลใหม่ทดแทนเซลเก่าที่ตาย
ในแต่ละวันได้เต็มที่

ลักษณะนี้คือ ปัจจัยสูงสุดที่ร่างกาย จะไม่เกิดความอ่อนแอ ในทุกอวัยวะ

ดังนั้นเมื่อไปอยู่ในประเทศไหนก็แล้วแต่ ถ้าได้สัดส่วนของสารอาหารออกมา
เป็นกรดอ่อน มีคลอโรฟิลล์แล้วมีสารอาหารพวกโปแตสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม 
ฟอสฟอรัส เหล็ก ครบ 5 ตัวนี้

ในค่า pH = 4 และมีคลอโรฟิลล์ มีวิตามินเอ และวิตามินซี

ซึ่งจะทำให้ร่างกายสามารถมีอาหารได้เต็มที่ในแต่ละเซล ถ้าทุกเซลแข็งแรงไม่มี
เซลตายก็ไม่แก่เลย

ถ้าค่า pH เป็น "กรดเกินไป" การใช้แคลเซียมก็จะยาก "กรดอ่อน" ทำให้เกิดการใช้ไขมัน 
ทำให้ไขมันถูกย่อยสลายได้เร็ว ถ้าเป็น "ด่างเกินไป" การย่อยสลายไขมันก็ทำได้น้อย

ไขมันคือของแข็งที่มีปริมาณถึง 60% ของของแข็งทั้งหมดในร่างกาย ไขมันคือตัวที่
จะไปเปลี่ยนเป็นน้ำหล่อเลี้ยง น้ำเมือกที่ไปหล่อเลี้ยงตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
 น้ำไขข้อ เป็นไขกระดูก เป็นกล้ามเนื้อ เป็นกระดูก เส้นเอ็น ไขมันหล่อเลี้ยงเส้นผมเป็นลำดับ
pH ของน้ำผักที่เหมาะสมกับคนไทยอยู่ที่ pH 4-6 คนอ้วนมาก ให้น้ำผักที่ pH 4 เลย 
เนื่องจากคนอ้วนมีไขมันค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ น้ำผักจะเปลี่ยนไขมันเป็นโคเลสเตอรอล ไปเป็นไตรกลีเซอไรด์ และเป็นกลีเซอไรด์ในที่สุด ซึ่งร่างกายนำไปใช้ได้
การดื่มน้ำผัก .......ช่วยอะไร ? 
เรื่อง : ชมรมบ้านสุขภาพ

การดื่มน้ำผัก การเติมสารอาหารประเภทวิตามิน เกลือแร่จำเป็นและที่สำคัญคือ 
คลอโรฟิลล์ เมื่อดื่มเข้าไปแล้วส่วนที่ต้องถูกดูดซึม ก็จะไป "ฟื้นฟูตับ" มันจะไปก่อน 
พอ "น้ำตับหลั่ง" น้ำตับอ่อนก็หลั่ง การย่อยคาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ 
และวิตามินก็จะทำได้มากขึ้น ในขณะที่ตัวมันไปย่อยไขมันส่วนที่ เก่าส่วนหนึ่ง 
แล้วเปลี่ยนรูปไปเป็นพลังงาน ดังนั้นร่างกายก็ได้พลังงานมาสนับสนุนให้อวัยวะต่าง ๆ 
ทำงานได้มากกว่าเดิม

น้ำผักสูตรบ้านสุขภาพเป็นน้ำผลไม้ผักสด จึงช่วยล้างสิ่งปฏิกูลในร่างกายตลอดจนสารพิษต่าง ๆ
อย่างรวดเร็ว ซึ่งปรากฏการณ์ที่สังเกตได้ คือ ลดอาการปวดต่าง ๆ จากอาการท้องเสีย หรือมีของเสีย 
ค้างอยู่ในระบบเลือดมากจนปวดตามกล้ามเนื้อ อาการปวดหลังดังกล่าวจะลดลง ลดอาการปวดศีรษะ 
ลดไข้ ลดความอ่อนเพลีย ลดอาการนอนหลับยาก ลดอาการนอนกรน

ซึ่งอาการที่ดีขึ้น คือ ขบวนการที่ร่างกาย ชะล้างของเสียออกได้ดีขึ้น ซึ่งอาการดังกล่าว 
ไม่ควรเก็บกดได้ด้วยการใช้ยาระงับปวด ซึ่งเป็นการไปหยุดความ สามารถในการ ชะล้างของร่างกาย 
ทำให้เกิดสารพิษมากขึ้นในทุกระบบของร่างกาย และแพร่กระจาย สะสมจนก่อเกิดเซลมะเร็ง
การกินน้ำผักก่อนเป็นการเตรียมร่างกายให้ย่อยสารอาหารที่เรากินลงไปได้ดีกว่าเดิม นั่นคือ 
เกิดสภาวะดีกับร่างกายทั้งระบบ สรุป น้ำผักทำหน้าที่ 2 อย่างในเวลาเดียวกันคือ

1. ให้สารอาหารที่ร่างกายนำไปฟื้นฟู ตับกับตับอ่อน
2. กระตุ้นให้ร่างกายพร้อมในการ ย่อยไขมันที่เหลือค้างอยู่ เปลี่ยนรูปไปเป็นพลังงานทำให้
ร่างกายเตรียมพร้อมที่จะย่อยสารอาหารที่รับประทานเข้าไปในมื้อต่อไป
ส่วนประกอบของน้ำผักและประโยชน์
เรื่อง : ชมรมบ้านสุขภาพ
น้ำผักมีสารอาหารแร่ธาตุที่ช่วยฟื้นฟูการทำงานของอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย 
ช่วยการทำงาน 5 ระบบ คือ ระบบดูดซึม ระบบทางเดินหายใจ ระบบหมุนเวียนโลหิต 
ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบต่อมไร้ท่อ

ผักกาดหอม
ช่วยฟื้นฟูเซลโดยเฉพาะระบบประสาทและเซลในปอด
ช่วยบำรุงกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น ช่วยบำบัดโรคโลหิตจาง

คื่นฉ่าย

ช่วยฟื้นฟูระบบประสาทและฟื้นฟูการสร้างเซลเม็ดเลือด ช่วยชะล้างของเสียในระบบเลือด
ช่วยให้ร่างกายมีความสามารถใช้แคลเซียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดอาการเจ็บปวด
ของระบบข้อเสื่อมต่าง ๆ

มะเขือเทศ
ช่วยทำให้เม็ดเลือดแดงแข็งแรง ช่วยทำให้ผิวพรรณดี เพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายมี
สารช่วยย่อยอาหาร ทำให้เยื่อบุกระเพาะ ลำไส้ทำงานเป็นปกติ

หอมหัวใหญ่ 
ช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง

มะนาว
ช่วยฟื้นฟูภูมิคุ้มกัน

น้ำผึ้ง
ให้พลังงานสำรองกับม้าม

อัตราส่วนของผักที่จะใส่น้ำผักปั่น
ผักกาดหอม 2 ใบ คื่นฉ่าย 2 ก้าน มะเขือเทศ 1 ลูก ( เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว )
หอมหัวใหญ่ 1/4 ลูก ( เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ) น้ำผึ้ง 2 ช้อน
เสาวรส หรือ มะนาว 1 ลูก แอปเปิ้ล 1/2 ลูก น้ำสะอาด 2 แก้ว

วิธีทำ
1. นำส่วนประกอบที่กล่าวในข้างต้นใส่ลงในโถปั่น
2. ปั่นน้ำผักเป็นเวลาประมาณ 20 วินาที
3. เทน้ำผักที่ปั่นแล้วลงในแก้ว ( จะได้น้ำผักปั่น 2 แก้ว )
หมายเหตุ ควรดื่มทันทีเพื่อสงวนคุณค่าทางอาหาร

ขอบคุณข้อมูลจาก ชมรมบ้านสุขภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น